
“Kyokou Suiri 2” หรือในชื่อภาษาไทยว่า ไขปมปริศนาภูต (ภาค2) เป็นอนิเมะภาคต่อของอนิเมะแนวเหนือธรรมชาติ ลึกลับ สืบสวน และโรแมนติกที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ที่ภาคแรกได้ออกฉายอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อปี 2020 พร้อมการตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม
ด้วยการผสมผสานระหว่างโลกของภูตผีปีศาจกับตรรกะและเหตุผลอันซับซ้อน ทำให้ในปี 2023 อนิเมะเรื่องนี้ได้กลับมาอีกครั้งด้วยภาคต่อ พร้อมเนื้อเรื่องใหม่ที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ตัวละครเก่าได้รับการพัฒนา และมีการเปิดตัวตัวละครใหม่ที่มาพร้อมปริศนาใหม่ๆ ที่ทำให้ผู้ชมต้องติดตามอย่างไม่คลาดสายตา
ก่อนที่จะมาเป็นอนิเมะภาคต่อ
ในช่วงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2020 ได้มีการประกาศภาคต่อของอนิเมะ Kyokou Suiri อย่างเป็นทางการ
โดยยืนยันว่าทีมงานหลักยังคงอยู่ครบ เว้นแต่ผู้ออกแบบตัวละครที่จะถูกแทนที่โดย Kentarou Matsumoto
สตูดิโอและทีมผู้สร้าง
ภาคต่อยังคงได้รับการผลิตโดยสตูดิโอ Brain’s Base พร้อมทีมงานหลักประกอบด้วย
ผู้กำกับ Keiji Gotoh, เขียนบท Noboru Takagi, การออกแบบตัวละครโดย Kentarou Matsumoto
วันฉายครั้งแรก, ตอนจบ และจำนวนตอน
ออกอากาศระหว่างวันที่ 8 มกราคม 2023
จนถึงตอนจบวันที่ 27 มีนาคม 2023 ในภาคต่อได้มีจำนวนตอน รวม 12 ตอน
การตอบรับจากผู้ชม & คะแนนโดยรวม
ในเว็บไซต์รีวิวอนิเมะอย่าง AniDB ระบุว่า Season 2 ได้คะแนนโดยเฉลี่ย 6.30 – 7.03 จากผู้โหวตหลายร้อยคน
ในภาค 2 ของ Kyokou Suiri (In/Spectre) เรื่องราวยังคงติดตาม โคโตโกะ อิวานางะ เทพแห่งปัญญาผู้มีหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดการกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ และ คุโร ซากุรางาวะ ชายผู้มีพลังอมตะและมองเห็นอนาคตที่เป็นไปได้หลากหลาย โดยทั้งคู่รับหน้าที่ไขปริศนาฆาตกรรมแปลกประหลาดที่โลกปกติไม่สามารถแก้ได้
แต่ละตอนของ Season 2 จะเป็นการเปิดเคสสั้น ๆ ตั้งแต่คดีรักแปลก ๆ ของมนุษย์กับโยไค ไปจนถึงเหตุการณ์ที่ซับซ้อนระดับครอบครัว ซึ่งนักแสดงนำอย่างโคโตโกะและคุโรมักจะเข้าไปพัวพันในสถานการณ์คับขัน ทั้งเรื่องปมแค้น อารมณ์ และปัญหาจากโลกเหนือธรรมชาติ
สิ่งที่ทำให้ Season 2 โดดเด่นคือการผสมผสานความลึกลับ การใช้เหตุผลเชิงตรรกะ และจังหวะเล่าเรื่องที่กระชับแต่คมคาย–โคโตโกะใช้ “การสร้างเรื่องเล่า” เพื่อโน้มน้าวพยานหรือผู้เกี่ยวข้อง ในขณะที่คุโรมาพร้อมกับความสามารถในการเลือกอนาคตที่เป็นไปได้ให้เรื่องราวคลี่คลายลงอย่างเหมาะสม
แม้จะเป็นเรื่องราวแยกตอน แต่ทั้งหมดล้วนชักนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างโคโตโกะกับคุโรมากขึ้น โดยยังคงรักษาสมดุลระหว่างแนวสืบสวนลึกลับเหนือธรรมชาติกับองค์ประกอบโรแมนติกได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นเสน่ห์สำคัญของซีรีส์นี้
โคโตโกะ อิวานางะ (Kotoko Iwanaga)
โคโตโกะ คือ “เทพแห่งปัญญา” ผู้มีหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างโลกมนุษย์และโยไค ตั้งแต่อายุ 11 เธอต้องแลกดวงตาข้างขวาและขาซ้ายเพื่อได้รับพลังวิเศษ แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูเป็นสาวน้อย แต่เธอฉลาดจัด ชอบวางแผน และใช้ตรรกะอันเฉียบแหลมในการไขคดีต่าง ๆ นอกจากนี้ โคโตโกะยังมีบุคลิกแปลกตา—แสดงออกตรงไปตรงมา ร่าเริงแต่แฝงไปด้วยความทะเยอทะยาน โดยเฉพาะต่อเรื่องความสัมพันธ์กับคุโร
คุโร ซากุรางาวะ (Kuro Sakuragawa)
คุโรเป็นตัวแทน “มนุษย์-โยไค” ผู้เกิดเป็นลูกผสมมนุษย์, Kudan และ Ningyo ตั้งแต่อายุ 11 ทำให้เขามีความสามารถพิเศา ได้แก่ การฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และ พลังอนาคต (precognition) จนกลายเป็นอมตะ ความเยือกเย็นและนิ่งสงบของเขาเป็นส่วนสำคัญในการช่วยโคโตโกะไขคดี ซึ่งแม้ภายนอกเขาจะเย็นชา แต่ในใจจริงแล้วคุโรก็มีความห่วงใยโคโตโกะอย่างลึกซึ้ง และแม้จะปฏิเสธความสัมพันธ์หลายครั้ง เขาก็ยอมรับว่า “โคโตโกะคือแฟนของเขา” ในที่สุด
ริกกะ ซากุรางาวะ (Rikka Sakuragawa)
ริกกะเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุโร ซึ่งเช่นเดียวกับเขาถูกบังคับให้บริโภคเนื้อโยไคจนกลายเป็นอมตะ ขณะที่ Season 1 เธอยังอยู่โรงพยาบาล แต่ใน Season 2 เธอถูกปล่อยออกมาและเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกรณีคดีของตัวละครอื่นอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าริกกะดูมีเสน่ห์และซับซ้อน แต่เบื้องลึกเธอกลับมีความมืดที่ยากจะคาดเดา และมีบทบาทสำคัญในการดึงพลวัตของเรื่องให้เข้มข้นขึ้น
Kyokou Suiri Season 2 คือภาคต่อที่ต่อยอดความสำเร็จจากซีซั่นแรกได้อย่างลงตัว โดยยังคงเอกลักษณ์ของการเล่าเรื่องที่เน้น “การไขปริศนาด้วยตรรกะ” ท่ามกลางโลกเหนือธรรมชาติที่เต็มไปด้วยโยไค ผี และเรื่องลี้ลับ การดำเนินเรื่องในภาคนี้มีความกระชับขึ้น แฝงปรัชญาและอารมณ์ลึกในตัวละครที่เติบโตและซับซ้อนขึ้นตามกาลเวลา
ตัวละครหลักอย่าง โคโตโกะ และ คุโร ยังคงเป็นแกนสำคัญของเรื่อง ที่ทั้งเติมเต็มกันและกันในแง่ตรรกะกับพลังเหนือธรรมชาติ พร้อมทั้งเผยแง่มุมใหม่ ๆ ของความสัมพันธ์ที่เติบโตอย่างมีชั้นเชิง
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบอนิเมะแนวสืบสวน ลึกลับ ผสมโรแมนติกในแบบไม่เหมือนใคร Kyokou Suiri Season 2 ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ไม่ควรพลาด ด้วยเนื้อหาที่ทั้งสนุก มีสาระ และกระตุ้นความคิดอยู่เสมอ พร้อมทิ้งคำถามให้ผู้ชมได้ขบคิดแม้หลังดูจบไปแล้ว