
86 Eighty Six” ซับไทย หรือในชื่อไทยว่า เอทตี้ซิกซ์ เป็นอนิเมะแนวสงครามและไซไฟ ด้วยความโดดเด่นขึ้นมาด้วยเนื้อหาลึกซึ้ง มุมมองด้านมนุษยธรรม และการวิพากษ์สังคมผ่านโลกแห่งสงครามในอนาคต ที่เริ่มต้นจากไลท์โนเวล โดยผลงานนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและได้รับรางวัล
ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เล่าแค่เพียงการต่อสู้ แต่ยังพูดถึงความเหลื่อมล้ำ ความสูญเสีย และความหมายของการเป็นมนุษย์ และต่อมาจึงได้ถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะอย่างเป็นทางการ พร้อมเสียงตอบรับที่ดีทั้งกับอนิเมะและไลท์โนเวลต้นฉบับ
ก่อนจะกลายมาเป็นอนิเมะ
ต้นฉบับของเรื่องนี้เริ่มต้นจากไลท์โนเวลที่เขียนโดย Asato Asato เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2017
ผลงานนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและได้รับรางวัล จนทำให้กลายเป็นที่จับตามองของวงการ
การประกาศสร้างอนิเมะ
การประกาศสร้างอนิเมะ 86 Eighty Six เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2020
การประกาศครั้งนี้มีขึ้น ในงานถ่ายทอดสดเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งปีของเว็บไซต์ไลท์โนเวล Kimirano
ทีมผู้ผลิตและทีมงานหลัก
การผลิตอนิเมะเรื่องนี้ได้รับงานโดยสตูดิโอ A‑1 Pictures พร้อมผู้กำกับอย่าง Toshimasa Ishii
ผู้แต่งบท: Toshiya Ōno, ออกแบบตัวละคร: Tetsuya Kawakami, ดนตรีประกอบ: Hiroyuki Sawano ร่วมกับ Kohta Yamamoto, CG ผลิตโดย: Shirogumi
กำหนดฉายครั้งแรก–ตอนสุดท้าย และจำนวนตอน
ออกอากาศระหว่างวันที่ 11 เมษายน 2021 จนถึงตอนสุดท้ายในวันที่ 19 มิถุนายน 2021
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 11 ตอน พร้อม 1 ตอนพิเศษ (SP)
การตอบรับจากผู้ชมและนักวิจารณ์
ตัวอนิเมะคว้ารางวัลจาก Anime Trending Awards 2021 ถึง 5 รางวัล
ในโลกอนาคตของ 86 Eighty Six ประเทศ สาธารณรัฐซันแมกโนเลีย กำลังทำสงครามกับ จักรวรรดิ Giad มานานกว่า 9 ปี ถึงแม้ประชาชนจะเชื่อว่าการต่อสู้เกิดขึ้นระหว่าง “โดรนไร้คนขับ” ไม่มีผู้เสียชีวิต แต่เบื้องหลังนั้นกลับมี ชายและหญิงจากเขต 86 ที่ถูกปฏิบัติอย่างเหยียดเชื้อชาติ ถูกบังคับให้เป็น “ผู้ขับ” Juggernaut หรือเครื่องจักรสงครามแทนมนุษย์ และถูกเรียกว่า “86” เท่านั้น พวกเขาไม่ได้รับสิทธิหรือความเป็นมนุษย์ใด ๆ
ตัวละครหลักคือ Major Vladilena “Lena” Milizé หญิงสาวชนชั้นสูงจากชนชั้น Alba ที่มีแนวคิดต่อต้านการเหยียดสีผิว เธอได้รับคำสั่งให้เป็น “ผู้ควบคุม (Handler)” ของหน่วย Spearhead Squadron ซึ่งประกอบด้วยทหารแนวหน้าจากกลุ่ม 86 ที่ได้รับชื่อรหัส นำโดย Shinei “Undertaker” Nouzen ผู้เป็นทั้งผู้นำและสัญลักษณ์แห่งความหวังของพวกเขา
เมื่อ Lena เริ่มรู้จักกับสมาชิกในหน่วย Spearhead เธอจึงได้เห็นความจริงเบื้องหลังสงครามและความไม่ยุติธรรมที่พวกเขาเผชิญ นำไปสู่การตั้งคำถามต่อระบบการปกครองและภาพลักษณ์สงครามที่ถูกหลอกลวง เธอพยายามสร้างความเข้าใจและเปลี่ยนแปลงในขณะที่ต้องดำเนินสงครามที่โหดร้ายอย่างไม่ลดละ
เรื่องราวผสมผสานฉากต่อสู้ทางไซไฟเข้ากับการสำรวจหัวข้อหนัก เช่น การเหยียดสีผิว การเหยียดชนชั้น ความสูญเสียทางจิตใจ และการดิ้นรนเพื่อเรียกร้องความเป็นมนุษย์อีกครั้ง ผ่านตัวละครที่ทั้งแข็งแกร่งและบอบบางในเวลาเดียวกัน
Shinei “Undertaker” Nouzen (ผู้นำหน่วย Spearhead)
หรือที่รู้จักในฉายา “The Reaper” เป็นผู้นำหน่วย 86 ที่อายุเพียง 16 ปี แต่ผ่านสนามรบมาอย่างโชกโชน จนสร้างชื่อเสียงในความเยือกเย็นและความเด็ดเดี่ยว เขาเก็บแผ่นป้ายประจำตัวของเพื่อนที่เสียชีวิตไว้ในกล่องเล็ก ๆ เพื่อเก็บเป็นอนุสรณ์ จนได้รับฉายานี้ และเป็นที่ร่ำลือว่า Handler หลายคนที่เคยรับหน้าที่ร่วมกับเขามักจะล่มสลายทางจิตใจจนต้องลาออกหรือแม้แต่ฆ่าตัวตาย
Major Vladilena “Lena” Milizé
หญิงสาวชนชั้นสูงจากชนชั้น Alba ผู้ถูกเลื่อนตำแหน่งเป็น Major ในวัยเพียง 16 ปี เธอถูกส่งมาเป็น Handler หน่วย Spearhead และโด่งดังในนาม “Bloody Regina” หรือนักปกครองเลือดเย็น เพราะเธอวิเคราะห์สถานการณ์อย่างมีเหตุผล เธอเป็น Handler คนแรกที่ปฏิบัติต่อสมาชิกหน่วย 86 อย่างมนุษย์ ไม่ใช่แค่ค่าสปีดของเครื่องจักร
Raiden Shuga (“Wehrwolf”)
รองหัวหน้าหน่วย Spearhead และเพื่อนสนิทของ Shin มาแต่เดิม ก่อนทั้งคู่จะร่วมทีมเดียวกัน เขาอยู่เคียงข้าง Shin ในฐานะเพื่อนและผู้สนับสนุนในสนามรบ
Theoto Rikka (“Laughing Fox”)
หัวหน้าหน่วยเล็ก (platoon leader) ของ Spearhead ผู้มักพูดตรงไปตรงมา และขี้เล่นเมื่อเจอกับ Handler อย่าง Lena โดยเฉพาะหลังจากที่เสียเพื่อนสนิทในการสู้รบ เขามักพกสมุดวาดภาพและเคยออกแบบสัญลักษณ์ประจำหน่วยใน Juggernaut ด้วยตัวเอง
Anju Emma (“Snow Witch”)
สมาชิกหญิงผู้เปราะบางแต่ทรงพลัง เธอเป็นลูกครึ่ง มีสายเลือด Alba แต่ถูกทั้งฝ่าย Alba และ 86 รังเกียจและทำร้าย จนต้องไว้ผมยาวเพื่อปกปิดแผลเป็นที่แผ่นหลัง แต่เมื่ออยู่ในสนามรบ เธอกลายเป็นผู้ร้ายที่เจ็บแค้นอย่างเยือกเย็น
86 Eighty Six คืออนิเมะที่แตกต่างและโดดเด่นจากเรื่องราวสงครามทั่วไป ด้วยการผสมผสานแนวไซไฟเข้ากับประเด็นลึกซึ้งทางสังคม เช่น การเหยียดเชื้อชาติ ความไม่เท่าเทียม และผลกระทบทางจิตใจของสงคราม ตัวละครแต่ละตัวล้วนมีมิติ มีความเจ็บปวด และมีแรงผลักดันที่น่าสนใจ ทำให้ผู้ชมไม่เพียงแค่ติดตามเรื่องราวการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังอินไปกับการเติบโตและการดิ้นรนของพวกเขา
งานภาพจากสตูดิโอ A-1 Pictures ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน โดยเฉพาะฉากสงครามที่เต็มไปด้วยอารมณ์ และดนตรีประกอบที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้งทำให้ผู้ชมจดจำอนิเมะเรื่องนี้ได้ไม่รู้ลืม