
Tearmoon Teikoku Monogatari หรือในชื่อ ซับไทย “บันทึกเรื่องราวจักรวรรดิเทียร์มูน” คือหนึ่งในผลงานที่โดดเด่นในหมวดแนวแฟนตาซีย้อนเวลา (time-travel fantasy) ที่มีทั้งอารมณ์ขัน ความอบอุ่นใจ และการเติบโตของตัวละครผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยบทเรียนชีวิต แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องราวที่เบาสมอง แต่กลับสอดแทรกแง่มุมทางการเมืองและปรัชญาชีวิตอย่างแนบเนียน ทำให้อะนิเมะเรื่องนี้ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วตั้งแต่เริ่มฉาย
ก่อนที่จะเป็นอนิเมะ
เริ่มต้นจากไลท์โนเวลของ Nozomu Mochitsuki ที่เผยแพร่ครั้งแรกลงในเว็บไซต์ Shōsetsuka ni Narō เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2018
ต่อมาในวันที่ 10 มิถุนายน 2019 ผลงานได้รับการตีพิมพ์อย่างเป็นทางการในรูปแบบไลท์โนเวลโดยสำนักพิมพ์ TO Books พร้อมภาพประกอบโดย Gilse
และในเดือน สิงหาคม 2019 มีการเริ่มตีพิมพ์มังงะที่วาดโดย Mizu Morino บนเว็บไซต์ Comic Corona
การประกาศสร้างอนิเมะ & ทีมผู้ผลิต
ทางสตูดิโอ Silver Link ประกาศทำอนิเมะทีวีซีรีส์ในวันที่ 6 กันยายน 2022 พร้อมทีมงานหลักประกอบด้วย
ตารางการฉาย & จำนวนตอน
ช่วงการฉาย: 8 ตุลาคม – 24 ธันวาคม 2023
จำนวนตอนทั้งหมด 12 ตอน
การตอบรับจากผู้ชม
ได้เรตติ้งเฉลี่ย 6.74 / 10 จากผู้โหวตประมาณ 49 คน
หลังจากการปฏิวัติที่โหดร้ายในจักรวรรดิ Tearmoon ทำให้ เจ้าหญิง Mia Luna Tearmoon วัย 20 ปี ถูกประหารชีวิต แต่เธอกลับนอนตื่นอีกครั้งในร่างของเธอในวัย 12 ปี พร้อมกับบันทึกที่เขียนไว้ก่อนถูกประหาร ซึ่งเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ใช่ความฝัน
Mia ตระหนักดีว่าชีวิตของเธอต้องอยู่รอดอย่างแน่นอน เมื่อโอกาสครั้งที่สองเข้ามา เธอตัดสินใจใช้ความรู้จากอดีตเปลี่ยนแปลงอนาคตที่ดำคล้ำ โดยเลือกวิธี “เอาตัวรอดเป็นหลัก” ผ่านการปรับเปลี่ยนตัวเองและสร้างพันธมิตรขึ้นใหม่—ไม่ว่าจะเป็น Anne บ่าวสาวผู้ซื่อสัตย์ หรือ Ludwig เจ้าหน้าที่คลังผู้เก่งกาจ
ด้วยแรงจูงใจที่เรียบง่ายแต่ตรงไปตรงมา—หลีกเลี่ยงซากตอของเสียงกรีดกรายและใบมีดกิโยติน—Mia ยกระดับจักรวรรดิกลับสู่เส้นทางที่ดีขึ้น ผ่านการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุข และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งยังสร้างมนต์เสน่ห์ให้กับผู้คนที่ครั้งหนึ่งเคยเกลียดชังเธอ
ทำให้ภาพจำของ “เจ้าหญิงผู้เย่อหยิ่ง” เปลี่ยนให้กลายเป็น “ปัญญาของจักรวรรดิ” ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะแม้เธอจะทำสิ่งดีๆ หลายอย่าง แต่ก็ยังคงยืนยันได้ว่า “เธอแค่กลัวความเจ็บปวดจากการถูกประหาร” เท่านั้น
Mia Luna Tearmoon
เป็นเจ้าหญิงองค์เดียวของจักรวรรดิเทียร์มูน ที่ในอดีตถูกตราหน้าว่า “เจ้าหญิงเย่อหยิ่ง” ก่อนจะถูกประหารด้วยกิโยตินเมื่ออายุ 20 ปี แต่เธอกลับย้อนเวลาไปอยู่ในร่างวัย 12 อีกครั้งพร้อมบันทึกไดอารี่จากชีวิตก่อนหน้านี้ Mia จึงใช้ความรู้ในไดอารี่เพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต ทั้งปรับทัศนคติต่อตนเองและผู้อื่น จนกลายเป็น “ปัญญาของจักรวรรดิ” อย่างค่อยเป็นค่อยไป
Anne Littstein
อดีตคนใช้ในวังผู้หลงเหลือความภักดีต่อ Mia แม้ในช่วงเวลาที่เจ้าหญิงถูกจองจำ Anne ยังคงส่งขนมและเยี่ยมเธอ ทำให้ Mia เลือกให้ Anne เป็นสาวใช้คนสนิทในไทม์ไลน์ใหม่ Anne จึงกลายเป็นทั้งเพื่อนคู่ใจและผู้ช่วยที่เชื่อถือได้ของ Mia
Ludwig Hewitt
เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังที่มีความเฉียบแหลม เขาเป็นผู้จั่วหัวในความพังของจักรวรรดิในอดีต และเสียใจที่ไม่อาจช่วย Mia ทันก่อนถูกประหาร ในไทม์ไลน์ใหม่ Ludwig เป็นเสาหลักทางนโยบาย เขานำความรู้ด้านเศรษฐกิจมาใช้วางรากฐานให้จักรวรรดิกลับมายั่งยืน โดยร่วมมือกับ Mia อย่างใกล้ชิดจนกลายเป็นพันธมิตรสำคัญ
Abel Remno
เจ้าชายอันดับสองจากราชอาณาจักร Remno เดิมเคยเป็นเพลย์บอยผู้หลงระเริง แต่หลังจากพบกับ Mia เขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งด้านทักษะการขี่ม้าและความรับผิดชอบ อีกทั้งเริ่มมีเส้นเรื่องความรักลึกลับกับ Mia ด้วย
Sion Sol Sunkland
เจ้าชายแห่ง Sunkland ผู้เชี่ยวชาญการฟันดาบ และเชื่อในความยุติธรรม — เขาคือตัวตั้งตัวตีของกองกำลังปฏิวัติที่นำไปสู่การล่มสลายของ Tearmoon และยังเป็นผู้ที่มีบทบาทสั่งประหาร แต่ในไทม์ไลน์ใหม่ Sion เริ่มเปิดใจยอมรับ Mia และค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์จากศัตรูสู่มิตรภาพ
Tearmoon Teikoku Monogatari ไม่ได้เป็นเพียงแค่อนิเมะแนวย้อนเวลาแฟนตาซีธรรมดาๆ แต่เป็นเรื่องราวที่สอดแทรกประเด็นการเติบโตของตัวละคร การสร้างความเปลี่ยนแปลงจากบทเรียนในอดีต และการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของผู้นำผ่านการกระทำที่จริงใจและรอบคอบ อนิเมะเรื่องนี้โดดเด่นด้วยความสมดุลระหว่างมุกตลกเบาสมองและประเด็นซีเรียสเชิงการเมืองที่เข้าใจง่าย พร้อมตัวละครหลักอย่าง “เจ้าหญิงเมีย” ที่ทั้งน่ารักและฉลาดลึกในแบบของเธอเอง
ด้วยการเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิง บทสนทนาที่เปี่ยมด้วยอารมณ์ และการพัฒนาอย่างเป็นธรรมชาติ Tearmoon Teikoku Monogatari จึงกลายเป็นหนึ่งในอนิเมะที่น่าติดตามสำหรับใครก็ตามที่มองหาเรื่องราวที่ทั้งให้ความบันเทิงและข้อคิดในเวลาเดียวกัน หากคุณชื่นชอบแนว “โอกาสครั้งที่สองเพื่อแก้ไขอดีต” เรื่องนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน