
To Be Hero X หรือชื่อภาษาไทยว่า ผมจะต้องเป็นฮีโร่เอ็กซ์ เป็นอนิเมะสายฮีโร่ที่ผสมผสานทั้งแนวตลก ดราม่า และแอ็กชันเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใคร และงานภาพที่โดดเด่นจากฝีมือการผลิตร่วมระหว่างประเทศจีนและญี่ปุ่น อนิเมะเรื่องนี้กลายเป็นกระแสที่น่าจับตามองตั้งแต่ประกาศเปิดตัวและมีให้รับชมในแบบ ซับไทย แล้ว
อนิเมะเรื่องนี้เป็นภาคต่อของแฟรนไชส์ To Be Hero และ To Be Heroine ซึ่งได้รับคำชื่นชมมาแล้วจากแฟนๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะด้วยสไตล์การเล่าเรื่องที่หลุดโลกแต่แฝงสาระ ทั้งยังเสียดสีสังคมอย่างแยบคาย
เรื่องราวในโลกที่ฮีโร่ไม่ได้เกิดจากพลังพิเศษหรือโชคชะตา แต่เกิดจาก “ความเชื่อ” ของผู้คน หากผู้คนเชื่อว่าบุคคลหนึ่งสามารถบินได้ เขาก็จะบินได้จริง ๆ แต่หากความเชื่อนั้นหมดไป พลังของฮีโร่ก็จะหายไปเช่นกัน
ในโลกนี้ “Trust Value” หรือค่าความเชื่อมั่นของประชาชนถูกวัดและจัดอันดับฮีโร่ทุกสองปีผ่านการแข่งขันระดับโลก ฮีโร่ที่มีอันดับสูงสุดจะได้รับตำแหน่ง “X” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของฮีโร่ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดจากประชาชน
เรื่องราวของ To Be Hero X ถูกเล่าในรูปแบบกวีนิพนธ์ โดยแต่ละอาร์คจะเน้นไปที่ฮีโร่แต่ละคนใน 10 อันดับแรก ซึ่งแต่ละคนมีภูมิหลังและแรงจูงใจที่แตกต่างกัน ทำให้ผู้ชมได้เห็นมุมมองที่หลากหลายของการเป็นฮีโร่ในโลกที่ความเชื่อของผู้คนมีอิทธิพลต่อพลังของพวกเขา
อนิเมะเรื่อง To Be Hero X นำเสนอโลกที่ฮีโร่ได้รับพลังจาก “ความเชื่อ” ของผู้คน โดยมีการจัดอันดับฮีโร่ตามค่าความเชื่อมั่น (Trust Value) ซึ่งส่งผลต่อพลังและสถานะของพวกเขา ต่อไปนี้คือ 10 ฮีโร่อันดับต้น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในเรื่อง:
X (อันดับที่ 1)
Queen (อันดับที่ 2)
Dragon Boy (อันดับที่ 3)
Ghostblade (อันดับที่ 4)
The Johnnies (อันดับที่ 5)
Loli (อันดับที่ 6)
Lucky Cyan (อันดับที่ 7)
Ahu (อันดับที่ 8)
E-Soul (อันดับที่ 9)
Nice / Lin Ling (อันดับที่ 10)
พล็อตแนวคิดใหม่: พลังจาก “ความเชื่อ” ของผู้คน
อนิเมะเรื่องนี้ไม่ได้ใช้พลังเหนือธรรมชาติแบบทั่วไป แต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ “Trust Power” หรือพลังจากความเชื่อมั่นของประชาชน ยิ่งผู้คนเชื่อในตัวฮีโร่มากเท่าไร พลังของฮีโรก็จะยิ่งแข็งแกร่ง นี่เป็นการนำเสนอแนวคิดที่สะท้อนสังคมได้อย่างลึกซึ้งว่าพลังของผู้นำ หรือผู้มีอิทธิพล มาจากศรัทธาของผู้ตาม
งานภาพและการกำกับสุดพรีเมียม
To Be Hero X ได้รับการดูแลการผลิตโดย studio LAN, ร่วมกับผู้กำกับชื่อดังอย่าง Shiguang (จาก To Be Hero และ To Be Heroine) และมีการออกแบบงานภาพระดับภาพยนตร์ ทั้งลายเส้นที่คมชัด การใช้มุมกล้องที่สร้างอารมณ์ตื่นเต้น รวมถึงเทคนิคการตัดต่อฉากต่อสู้ที่โดดเด่น จนผู้ชมหลายคนเปรียบว่า “ดูเหมือนอนิเมะผสมภาพยนตร์”
เนื้อเรื่องหลากหลายมิติ มีทั้งแอ็กชัน ดราม่า และปรัชญา
อนิเมะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การต่อสู้ของฮีโร่กับวายร้าย แต่ยังตั้งคำถามกับ “ความจริงของความยุติธรรม” ผ่านตัวละครแต่ละคน ทุกตัวมีแรงจูงใจส่วนตัว มีความเจ็บปวด ความขัดแย้งภายในใจ ทำให้คนดูรู้สึกผูกพันและตั้งคำถามกับโลกจริงของเราเอง
เพลงประกอบและซาวด์ดีไซน์คุณภาพสูง
เพลงเปิดและเพลงจบของเรื่องนี้แต่งโดยนักแต่งเพลงมืออาชีพจากจีนและญี่ปุ่น ร่วมมือกันสร้างซาวด์ที่ทั้งทรงพลังและติดหู ในขณะเดียวกันเสียงประกอบฉากต่อสู้ก็เพิ่มอารมณ์ตื่นเต้นได้อย่างดีเยี่ยม
To Be Hero X ผมจะต้องเป็นฮีโร่เอ็กซ์ คืออนิเมะที่ไม่เพียงแค่เล่าเรื่องราวของฮีโร่ผู้ปกป้องโลกเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึง “ความหมายของการเป็นที่ศรัทธา” ได้อย่างลึกซึ้ง ผ่านพล็อตที่เต็มไปด้วยปริศนา ตัวละครที่มีมิติเฉพาะตัว และฉากต่อสู้สุดมันส์ที่ผสมผสานทั้งอารมณ์ ดราม่า และปรัชญา